11/15/2551

6 ขั้นตอนควรรู้..ก่อนการว่าจ้าง..และการสร้างบ้าน(ขั้นตอนที่1)

มาแล้วจ้า มาแล้วจ้า แม่ค้าขายมะพร้าวอ่อน..อากาศร้อนๆ น้ำมะพร้าวอ่อน...กินแล้วชื่นใจ ชื่นใจๆๆ

หวัดดีครับท่านผู้ชม กระผมยอดชายนายทิดฉุยมาเข้าเวรรอ..เอ๊ยรับใช้ท่านผู้อ่านอีกแล้ว คราวนี้กระผมมีคาถามหาอุต เอ๊ยไม่ใช่..แง่คิดสำหรับท่านที่กำลังจะว่าจ้างให้ใครซักคนมาสร้างบ้านให้กับท่านนะคร๊าบบบบ

วันนี้กระพ้มมี บันได 6 ขั้น เอ๊ย...ขั้นตอนในการสร้างบ้าน 6 ขั้นตอน ให้ท่านๆทั้งหลายลองพิจารณาดู มีแนวคิดดังนี้ ขอรับ

แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา มีพรรคพวกเพื่อนพ้องท่านสะกิดผมยิกๆ

“นี้แน่ะ...ทิดฉุย จะสร้างบ้านทั้งทีทำไมมันยุ่งยากจังฟะ ต้องระวังอย่างโน้น ต้องดูอย่างนี้ ม่ายเอาเว้ย ไม่มีเวลา เรียกผู้รับเหมามาสี่ห้าเจ้า ไปดูงาน ใครให้ราคาฉันต่ำสุด วัสดุดีๆ ฉันเลือกเจ้านั้นหล่ะ...”



ตอนเลือกผู้รับเหมาไม่ควรที่จะไปดูบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว แต่เพียงอย่างเดียว

นี่แหละครับคนเรา เอาง่ายๆ เข้าว่า แล้วจะเสียสุรา เอ๊ย..ไม่ใช่เสียอุรา หรือ เสียใจภายหลังน่ะครับ

ผมน่าจะปล่อยให้เพื่อนกระพ้มคนนี้ไปลองผิดลองถูกกับเงินที่เขาหามาทั้งชีวิต ซะให้เข็ด เนี่ยถ้าไม่ติดว่าเขาให้ผมยืมเงินง่ายๆๆๆๆ แฮะๆ ก็คงปล่อยไปแว๊ววว

ก็เลยถือโอกาสนี้ชี้แจงแถลงไขไปพร้อมๆ กับผู้อ่านของกระพ้มเลย แต่ท่านผู้ชมครับ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะตามไปยืมเงินนะครับ แฮะๆไม่ต้องจับกระเป๋าตังค์แน่นหรอกครับ ไม่ยืมแน่นอน



ควรที่จะดูโครงสร้างบ้านด้วย

เสาบ้านเหมือนกัน แต่คุณภาพออกมาไม่เท่ากัน คิดว่าเป็นเพราะอะไรเล่าครับ
เอาละครับที่นี้เรามาว่ากันแบบเป็นเรื่องเป็นราวเสียที่ สมมุติว่าท่านมีแบบก่อสร้างอยู่ในมือแล้ว

ขั้นตอนที่ 1 สรรหาผู้รับเหมา

ผมมีข้อแนะนำท่านผู้ชมของกระผมดังนี้ครับ หาผู้รับเหมาสัก 7-8 ราย ทีนี้ที่มาของผู้รับเหมาจะมาจากไหนบ้าง

ท่านเป็นผู้หาเอง

เพื่อนแนะนำ

สถาปนิกแนะนำให้

ที่ปรึกษาเรื่องการสร้างบ้านแนะนำมาให้

เปิดประมูลงานใน selectcon เพื่อให้ผู้รับเหมาเสนอตัวเข้ามา

นอกจากท่านจะเป็นผู้จัดหาเองแล้ว ในวิธีการอื่นท่านมีโอกาสที่จะถูกกินหัวคิวได้ เนี่ยผมไม่ได้ว่าใครไม่ดีนะ เพราะที่ดีๆเขาก็มีเยอะ แต่ไม่เสียหายใช่ไหมถ้าจะคิดป้องกัน โธ่ก็เงินนี่ครับ ใครๆก็อยากได้

ผมมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องกินหัวคิวอย่างนี้นะครับ ในบรรดาผู้รับเหมาที่รวบรวมมา 7-8 รายนั้น ไม่ว่าแหล่งที่มา จะมาจากไหน ใน 7-8 รายนั้นควรที่จะมีส่วนที่ท่านหามาเองด้วย เอา 7-8 รายที่ว่า มาร่อนตระแกรงเสียทีหนึ่ง
วิธีการร่อนตระแกรงก็คือ การตรวจสอบประวัติและผลงานผู้รับเหมากลุ่มนี้ ถามว่าต้องตรวจอะไรบ้าง หลักในการตรวจสอบมีอย่างนี้ครับ

ดูงานฝีมืองานก่อสร้าง ที่หน่วยงานก่อสร้างของผู้รับเหมา ดูการทำโครงสร้าง ดูงานก่อฉาบ ดูเหลี่ยม ดูมุม ดูผิวของงานปูน ดูงานตกแต่งเช่นงานปูกระเบื้อง งานไม้ตกแต่ง ไม่ต้องดูว่าหลังใหญ่หรือหลังเล็กนะครับ ให้ดูที่ฝีมือ

ดูว่างานก่อสร้างคืบหน้าไหม โดยวันที่เริ่มต้นจากใบอนุญาตก่อสร้าง เปรียบเทียบกับเนื้องานที่ทำได้ ถ้าจะให้ชัวร์วันที่เริ่มต้นงานก่อสร้าง อาจจะถามกับเจ้าของบ้านรายนั้นโดยตรงเลยก็ได้

ดูวัสดุที่ผู้รับเหมารายนั้นนำมากองที่หน่วยงาน นั่นแหละครับของจริงเลย ของคุณภาพหรือไม่ วัสดุบางตัวผมว่าท่านน่าจะดูออก แต่บางตัวยังสงสัยอาจจะใช้บริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรีก็ได้นะครับ ทีมงานเขายินดีรับใช้

สอบถามคนงานสักนิดว่า จ่ายค่าแรงตรงตามกำหนดไหม ถ้าจะให้เจ๋ง สอบถามร้านค้าที่ผู้รับเหมารายนั้นซื้อวัสดุ จะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น ว่าผู้รับเหมารายนั้นมีปัญหาเรื่องการเงินหรือไม่

ดูความสะอาดสะอ้านที่หน่วยงานสักหน่อย ถ้าสกปรกมากๆ อย่าไปใช้บริการ เพราะนั่นเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจอย่างหนึ่งของผู้รับเหมา

หลังจากร่อนตระแกรงแบบนี้แล้วท่านควรคัดเลือกผู้รับเหมาสัก 3 ราย ที่ท่านคิดว่าเข้าตากรรมการ และหนึ่งในสามรายนั้นควรจะมีผู้รับเหมารายที่ท่านหามาเองด้วย เพื่อให้มาทำการเสนอ ราคาแข่งกัน ส่วนเรื่องกินหัวคิวต้องใช้ขั้นตอนอื่นประกอบด้วยครับ จึงจะได้แผล เอ๊ยได้ผล ลองตามมาครับ

ขั้นตอนที่ 2 เปรียบเทียบราคา

หลังจากที่ร่อนตระแกรงผู้รับเหมาแล้ว เหลือผู้รับเหมาสัก 3 ราย ให้มารับแบบก่อสร้างจากท่านไปเสนอราคา คิดราคาแบบบีโอคิว ในขั้นตอนนี้จะดีมากๆทีเดียวถ้าแบบก่อสร้างในมือท่านเขียนไว้ละเอียดเนียน รูปตัดครบถ้วนไม่ตัดหลบ แบบขยายและรายการประกอบแบบที่จำเป็นที่จะไม่เปิดช่องให้ผู้รับเหมาเลือกใช้วิธีการที่สามารถต้นทุนก่อสร้างได้

ถ้าจะให้ดีนะ ผมว่าท่านควรจะจัดทำราคากลางด้วย โดยจ้างมืออาชีพมาช่วยถอดบีโอคิวให้(บีโอคิว คือ บัญชีแสดงปริมาณวัสดุ และ ค่าแรง) ซึ่งประโยชน์ของ บีโอคิวตัวที่เราทำนี้ จะช่วยบอกเราได้ว่า ราคาค่าก่อสร้างที่แท้จริงควรจะเป็นเท่าไร และเพื่อประโยชน์ในการต่อรองภายหลัง

เมื่อผู้รับเหมาทั้งสามรายส่งราคาแบบบีโอคิวแล้ว ให้ท่านสังเกตด้วยว่า บีโอคิวที่เขาเสนอมานั้น เสนอมาครบถ้วนหรือไม่ อาจมีผู้รับเหมาบางรายที่เสนอราคามาไม่ครบ ทำให้ตัวเลขผิดไปจากที่ควรจะเป็น

จากนั้นให้ท่านทำการเปรียบเทียบราคาทั้งสามราย และ เปรียบเทียบกับราคากลางที่ตั้งไว้

ตรงนี้ถ้าท่านสังเกตดีๆ ท่านจะเห็นความแตกต่างกันในบางจุด

ขั้นตอนที่ 3 การประมูลราคา

เพื่อให้ท่านว่าจ้างสร้างบ้าน ในราคาที่ท่านได้ประโยชน์มากที่สุด ท่านควรให้ผู้รับเหมาที่เสนอราคานั้น เข้ามาทำการประมูลราคาในเว็บไซท์แห่งนี้ (ท่านอาจจะคิดว่าดูแค่บีโอคิว และ เลือกรายที่เสนอราคาต่ำสุดที่พอแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้ว หากท่านใช้วิธีการประมูลแบบออนไลน์ ท่านจะได้ราคาที่ต่ำกว่าที่เสนอไว้ในบีโอคิว ทั้งยังจะเป็นการลดทอนส่วนเกินที่ยังมีอยู่ในบีโอคิวออกไป แต่ก็ต้องระวังๆไม่ให้ราคาต่ำมากเกินไป จนถึงจุดที่ทำไม่ได้ ) คลิกดูการประมูลออนไลน์ที่

http://www.selectcon.com/bid/bid_11.asp

หรือหากยังมีข้อสงสัย ท่านสามารถใช้บริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ ฟรี

ฟังก์ชั่นควบคุมการประมูล ของเจ้าของบ้าน



ขั้นตอนที่ 4 การต่อรองเงื่อนไขของสัญญา

เมื่อสรุปราคาได้ ก็มาถึงขั้นตอนที่จะต้องทำการต่อรองเงื่อนไขของสัญญา ซึ่งในขั้นตอนนี้ จะขอพูดถึงบทสรุปที่ควรจะเป็นดังนี้

จะต้องมีมาตรการป้องกันงานด้อยคุณภาพ

จะต้องมีมาตรการป้องกันงานก่อสร้างล่าช้า

จะต้องมีมาตรการป้องกันปัญหาการทิ้งงาน

การแบ่งงวดงาน และ การจ่ายเงินที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ขั้นตอนที่ 5 เซ็นต์สัญญาว่าจ้าง

หลังจากตรวจสอบสัญญาว่าจ้างถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็เซ็นต์สัญญาว่าจ้าง ซึ่งในขั้นตอนนี้ถือเป็นการตกลงกันในรูปเอกสารสัญญา ว่าต่างฝ่ายต่างจะปฏิบัติตามสัญญา

ขั้นตอนที่ 6 การตรวจสอบคุณภาพงานในระหว่างทำการก่อสร้าง

ในระหว่างการก่อสร้าง เจ้าของบ้านควรจะมีตัวแทนที่มีความรู้ความเข้าใจในงานสร้างบ้าน ไปตรวจสอบคุณภาพงานในระหว่างการสร้างบ้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับมอบบ้านที่มีคุณภาพสมกับราคาค่าจ้างที่ท่านจ่ายไป

บทสรุป เรื่องการว่าจ้าง

ตอนต้นของบทความ ผมได้พูดถึงเรื่องการกินหัวคิวเอาไว้ ให้สังเกตว่า วิธีการดังกล่าวป้องกันการกินหัวคิวได้ ไม่ว่าใครจะแนะนำเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในผู้เสนอราคาคือผู้รับเหมาที่ท่านหามา จะเป็นผู้เปิดราคาที่แท้จริง และในระหว่างการประมูลราคาแบบออนไลน์ ผู้รับเหมาที่เสนอราคาก็คงต้องแข่งขันกันเต็มที่ ใครต้องจ่ายค่าหัวคิวราคาที่เสนอ มาคงต้องแพงกว่าเจ้าอื่นแน่นอน

11/12/2551

ระบบป้องกันไฟไหม้

กฎหมายกำหนดไว้ว่าอาคารที่เป็นอาคารสาธารณะ,อาคารขนาดใหญ่และอาคารสูงต้องมีข้อกำหนดสำหรับการป้องกันอัคคีภัย ที่หลีกเลี่ยงมิได้เด็ดขาดแต่ใน อาคารพักอาศัยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เช่น คอนโดมิเนียมอพาร์ทเมนท์ ก็จำเป็นต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยตามสมควรไว้ด้วยทั้งนี้เพื่อประโยชน์ และความปลอดภัยแก่ชีวิต และทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย

การป้องกันอัคคีภัยสามารถกระทำได้ 2 ลักษณะคือ

1. การป้องกันอัคคีภัยวิธี Passive
- เริ่มจากการจัดวางผังอาคารให้ปลอดภัยต่ออัคคีภัย คือการวางผังอาคารให้สามารถป้องกันอัคคีภัยจากการเกิดเหตุสุดวิสัยได้ มีวิธีการได้แก่ เว้นระยะห่างจากเขตที่ดิน เพื่อกันการลามของไฟตามกฎหมาย การเตรียมพื้นที่รอบอาคาร สำหรับเข้าไปดับเพลิง ได้เป็นต้น
- การออกแบบอาคาร คือการออกแบบให้ตัวอาคารมีความสามารถในการทนไฟ หรืออย่างน้อยให้มีเวลาพอสำหรับหนีไฟได้ นอกเหนือจากนั้น ต้องมีการออกแบบที่ทำให้การเข้าดับเพลิงทำได้ง่าย และมีการอพยพคนออกจากอาคารได้สะดวก มีทางหนีไฟที่ดีมีประสิทธิภาพ

2. การป้องกันอัคคีภัยวิธี Active คือการป้องกันโดยใช้ระบบเตือนภัย,การควบคุมควันไฟ,ระบายควันไฟและระบบดับเพลิงที่ดี
- ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเตือนภัยเป็นระบบ ที่บอกให้คนในอาคารทราบว่า มีเหตุฉุกเฉิน จะได้มีเวลาสำหรับการเตรียมตัวหนีไฟ หรือดับไฟได้มีอุปกรณ์ในการเตือนภัย 2 แบบ คือ อุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ (Fire Detector) อันได้แก่อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) และอุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) อีกแบบหนึ่งคืออุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ เป็นอุปกรณ์ที่ให้ ผู้พบเหตุเพลิงไหม้ ทำการแจ้งเตือนมีทั้งแบบมือดึงและผลัก
- ระบบดับเพลิงด้วยน้ำคือระบบที่มีการเก็บกักน้ำสำรอง ที่มีแรงดันพอสมควร และเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้จะสามารถใช้ระบบดับเพลิง ในการดับไฟได้ระบบนี้จะประกอบไปด้วยถึงน้ำสำรองดับเพลิง ซึ่งต้องมีปริมาณสำหรับใช้ดับเพลิงได้1- 2 ชม.และประกอบด้วย ระบบส่งน้ำดับเพลิงได้แก่ เครื่องสูบระบบท่อ แนวตั้งแนวนอน, หัวรับน้ำดับเพลิง, สายส่งน้ำดับเพลิง, หัวกระจายน้ำดับเพลิง นอกจากนี้ยังมีระบบดับเพลิงด้วยน้ำแบบอัตโนมัติ โดยที่เครื่องที่อยู่บน เพดานห้องจะทำงาน เมื่อมีปริมาณความร้อนที่สูงขึ้น จนทำให้ส่วนที่เป็นกระเปาะบรรจุปรอทแตกออก แล้วน้ำดับเพลิงที่ต่อท่อไว้ ก็จะกระจายลงมาดับไฟ
- เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก ข้างในบรรจุสารเคมีสำหรับดับเพลิงแบบต่าง ๆ ในกรณีที่เพลิงมีขนาดเล็ก ก็สามารถใช้เครื่องดับเพลิงขนาดเล็กหยุดยั้งการลุกลามของไฟได้
- ลิฟต์สำหรับพนักงานดับเพลิงสำหรับอาคารสูง กฎหมายจะกำหนดให้มีลิฟต์สำหรับพนักงานดับเพลิงทำงานในกรณีไฟไหม้ โดยแยกจากลิฟต์ใช้งานปกติทั่วไป ซึ่งจะทำให้การผจญเพลิง และการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ระบบควบคุมควันไฟ การสำลักควันไฟเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ อาคารจึงต้องมีระบบ ที่จะทำให้มีการชะลอ การแพร่ ของควันไฟ โดยมากจะใช้การอัดอากาศลงไปในจุดที่เป็นทางหนีไฟ, โถงบันได และโถงลิฟต์ โดยไม่ให้ควันไฟลามเข้าไป ในส่วนดังกล่าว เพิ่มระยะเวลาการหนีออกจากอาคาร และมีการดูดควันออกจากตัวอาคารด้วย
อุปกรณ์เริ่มสัญญาณแบบอัตโนมัติ (Automatic Initiation Devices) มีหลายชนิดดังนี้

1. อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) แบ่งออกเป็น 2 แบบดังนี้

1.1 อุปกรณ์ตรวจจับควันชนิดไอออนไนเซชั่น (Ionization Smoke Detector) อุปกรณ์ชนิดนี้ เหมาะสำหรับใช้ตรวจจับสัญญาณควัน ในระยะเริ่มต้นที่มีอนุภาคของควันเล็กมาก Ionization Detector ทำงานโดยใช้หลักการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะทางไฟฟ้า โดยใช้สารกัมมันตภาพรังสี ปริมาณน้อยมากซึ่งอยู่ใน Chamber ซึ่งจะทำปฎิกิริยากับอากาศที่อยู่ระหว่างขั้วบวกและลบ ทำให้ความนำไฟฟ้า (Conductivity) เพิ่มขึ้นมีผลให้กระแสสามารถไหลผ่านได้โดยสะดวก เมื่อมี อนุภาคของควันเข้ามาใน Sensing Chamber นี้ อนุภาคของควันจะไปรวมตัวกับ อิออน จะมี ผลทำให้การไหลของกระแสลดลงด้วย ซึ่งทำให้ตัว ตรวจจับควันแจ้งสถานะ Alarm ทันที

1.2 อุปกรณ์ตรวจจับควันชนิดโฟโต้อิเลคตริก (Photoelectric Smoke Detector) เหมาะสำหรับ ใช้ตรวจจับสัญญาณควัน ในระยะที่มีอนุภาคของควันที่ใหญ่ขึ้น Photoelectric Smoke Detector ทำงานโดยใช้หลักการสะท้อนของแสง เมื่อมีควันเข้ามาใน ตัวตรวจจับควันจะไปกระทบกับแสงที่ ออกมาจาก Photoemiter ซึ่งไม่ได้ส่องตรงไปยังอุปกรณ์รับแสงPhoto receptor แต่แสงดังกล่าว บางส่วนจะสะท้อนอนุภาคควันและหักเหเข้าไปที่Photo receptor ทำให้วงจรตรวจจับของตัวตรวจ จับควันส่งสัญญาณแจ้ง Alarm

2. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector)

อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน เป็นอุปกรณ์แจ้งอัคคีภัยอัตโนมัติรุ่นแรกๆ มีหลายชนิด ซึ่งนับได้ว่าเป็น อุปกรณ์ที่ราคาถูกที่สุดและ มีสัญญาณหลอก (Fault Alarm) น้อยที่สุดในปัจจุบัน อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ที่นิยมใช้กันมีดังต่อไปนี้

2.1 อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ (Rate-of-Rise Heat Detector) อุปกรณ์ชนิดนี้จะทำงาน เมื่อมีอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ 10 องศา เซลเซียส ใน 1 นาที ส่วนลักษณะการทำงานอากาศ ในส่วนด้านบน ของส่วนรับความร้อนเมื่อถูก ความร้อน จะขยายตัวอย่างรวดเร็วมากจนอากาศที่ขยายไม่สามารถเล็ดลอดออกมาในช่องระบาย ได้ ทำให้เกิดความดันสูงมากขึ้นและไปดันแผ่นไดอะแฟรมให้ดันขาคอนแทคแตะกัน ทำให้อุปกรณ์ ตรวจจับความร้อน นี้ส่งสัญญาณ ไปยังตู้ควบคุม

2.2 อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอุณหภูมิคงที่ (Fixed Temperature Heat Detector)

อุปกรณ์ชนิดนี้จะทำงาน เมื่ออุณหภูมิของ Sensors สูงถึงจุดที่กำหนดไว้ซึ่งมีตั้งแต่ 60 องศาเซล เซียสไปจนถึง 150 องศาเซลเซียส การทำงานอาศัยหลักการของโลหะสองชนิด เมื่อถูกความร้อน แล้วมีสัมประสิทธิ์การขยายตัวแตกต่างกัน เมื่อนำโลหะทั้งสองมาแนบติดกัน (Bimetal) และให้ ความร้อนจะเกิดการขยายตัวที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดบิดโค้งงอไปอีกด้านหนึ่ง เมื่ออุณหภูมิลดลง ก็จะคืนสู่สภาพเดิม
2.3 อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดรวม (Combination Heat Detector) อุปกรณ์ชนิดนี้รวมเอา คุณสมบัติของ Rate of Rise Heat และ Fixed Temp เข้ามาอยู่ในตัวเดียวกันเพื่อตรวจจับความ ร้อนที่เกิดได้ทั้งสองลักษณะ

3. อุปกรณ์ตรวจจับเปลวไฟ (Flame Detector)

โดยปกติจะนำไปใช้ในบริเวณพื้นที่อันตรายและมีความเสี่ยงในการเกิดเพลิงไหม้สูง (Heat Area) เช่น คลังจ่ายนํ้ามัน, โรงงาน อุตสาหกรรม, บริเวณเก็บวัสดุที่เมื่อติดไฟจะเกิดควันไม่มาก หรือบริเวณที่ง่ายต่อการ ระเบิดหรือง่ายต่อการลุกลาม อุปกรณ์ตรวจจับเปลวไฟ จะดักจับความถี่คลื่นแสงในย่านอุลตร้าไวโอเล็ท ซึ่ง มีความยาวคลื่นอยูใ่นช่วง 0.18-0.36 ไมครอนที่แผ่ออกมาจาก เปลวไฟเท่านั้น แสงสว่างที่เกิดจากหลอดไฟและ แสงอินฟราเรดจะไม่มีผลทำให้เกิด Fault Alarm ได้ การพิจารณาเลือกติดตั้ง อุปกรณ์ตรวจจับ ในบริเวณต่างๆ เราจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของชีวิต, ความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ในบริเวณต่างๆ และลักษณะของเพลิงที่จะเกิด เพื่อที่จะติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับที่ เหมาะสมสถานที่ และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากเกินไป

คนมอ MV สาวส่า

ระบบปรับอากาศ (การติดตั้งพัดลมดูดอากาศบนฝ้าเพดาน)

ระบบปรับอากาศ (Air Conditioning System) คือ ระบบที่ทำหน้าที่ปรับสภาพของอากาศให้เหมาะกับสภาวะที่ผู้ใช้ต้องการ อาจจะเป็นการปรับอากาศเพื่อการเก็บรักษาอาหาร หรือสิ่งของ และรวมถึงการปรับอากาศเพื่อการอยู่อาศัยในอาคารด้วย โดยอาจจะเป็นการปรับให้อุณหภูมิสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้ และยังต้องมีการควบคุมปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ความเร็วลม กลิ่นและสิ่งเจือปนในอากาศด้วย

การติดตั้งพัดลมดูดอากาศบนฝ้าเพดาน

บ้านที่มีระบบปรับอากาศทั่วไปจะมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เพื่อระบายอากาศ เสีย และนำเอาอากาศบริสุทธิ์ (FRESH AIR) เข้ามาหมุนเวียนภายในห้อง ซึ่งพัดลม ดังกล่าวอาจติดบริเวณผนังหรือบนหน้าต่างที่เป็นกระจก ซึ่งทำให้ไม่สวยงาม จึงนิยมระบาย ขึ้นไปในช่องว่างของฝ้าเพดาน ซึ่งถ้าจำนวนพัดลมมีมากและเป่าขึ้นเพดานพร้อมๆ กัน อาจ ทำให้อากาศระบายออกไม่ทัน วิธีแก้ไขก็คือ เพิ่มเกล็ดระบายอากาศบริเวณฝ้าเพดานส่วนภายนอกห้อง เพื่อให้ อากาศใต้ฝ้าระบายออกได้ทัน

- ชนิดของระบบเครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศในบ้าน มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
1. ระบบแผ่นกรองอากาศ จะทำงานโดยการกรอง ฝุ่นละอองต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้ติดอยู่บนแผ่นกรอง ระบบ นี้จะมีราคาถูก แต่จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแผ่น กรองในระยะยาว คือ ต้องเปลี่ยนทุก 4-6 เดือน
2. ระบบไฟฟ้าสถิต เป็นระบบที่ได้พัฒนาขึ้นมา อีกขั้นหนึ่ง คือ ใช้แผ่นกรองระบบไฟฟ้าสถิต โดยการดูด จับฝุ่นใหเข้ามาติดอยู่กับแผ่นกรอง สามารถดักจับฝุ่นขนาด เล็กมากๆ ได้ และยังผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้ด้วย ระบบนี้ ราคาค่อนข้างสูง แต่จะประหยัดในระยะยาว เพราะสามารถ ถอดล้างทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง

การติดตั้ง HOOD ระบายอากาศในห้องครัว
HOOD ระบายอากาศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับห้องครัว เพื่อระบายอากาศ และกลิ่น จากภายในสู่นอกอาคาร สิ่งที่ต้องคำนึงในการติดตั้ง คือ
1. ขนาดของห้องครัว และลักษณะของการปรุงอาหารว่าเป็นอาหารประเภทไหน มีควัน มีกลิ่นมากน้อยเท่าไร รวมไปถึงการกำหนดทิศทางของอากาศที่ระบายออกมา ต้อง ไม่รบกวนส่วนอื่นๆ ของบ้าน
2. ระยะของเคาน์เตอร์ปรุงอาหารกับความสูงของช่องท่อลม ต้องสัมพันธ์กันเพื่อ ประสิทธิภาพในการทำงาน และต้องมีความสัมพันธ์กับประเภทการใช้เตาว่ามีเปลวไฟสูง ขนาดไหนด้วย เพราะมีสายไฟฟ้าอยู่ภายในอาจเกิดอันตรายได้

ระบบปรับอากาศ

ระบบปรับอากาศ (Air Conditioning System) คือ ระบบที่ทำหน้าที่ปรับสภาพของอากาศให้เหมาะกับสภาวะที่ผู้ใช้ต้องการ อาจจะเป็นการปรับอากาศเพื่อการเก็บรักษาอาหาร หรือสิ่งของ และรวมถึงการปรับอากาศเพื่อการอยู่อาศัยในอาคารด้วย โดยอาจจะเป็นการปรับให้อุณหภูมิสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้ และยังต้องมีการควบคุมปริมาณความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ความเร็วลม กลิ่นและสิ่งเจือปนในอากาศด้วย
ระบบปรับอากาศ

- ชนิดของระบบปรับอากาศ
มีอยู่ 3 ระบบ คือ ระบบติดหน้าต่าง ระบบแยกส่วน ที่เรียกว่า สปลิทไทพ์ (Split Type) และระบบเครื่องทำน้ำเย็น (Water Chiller)

- ระบบติดหน้าต่าง ต้องเตรียมโครงไว้สำหรับรับน้ำ หนักของตัวเครื่อง เพราะมีน้ำหนักมาก และต้องติดลอยอยู่ กลางกำแพง ถ้าไม่เตรียมไว้จะเกิดการแตกร้าวได้ เพราะความ สั่นสะเทือนของเครื่อง

-ระบบแยกส่วน จะมีปัญหามาก ถ้าตัวเครื่องเป่าลม เย็นอยู่กลางห้อง เพราะต้องคำนึงถึงการระบายน้ำว่าจะไปทาง ใด และถ้าต่อลงห้องน้ำ ก็อาจมีกลิ่นย้อนเข้ามา ทำให้ภายใน ห้องมีกลิ่นเหม็น และภายนอก ต้องมีที่วางคอนเดนเซอร์

เครื่องทำลมเย็นของเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน จะประกอบด้วย โบล์เวอร์ และคอล์ยเย็น ซึ่งมีสารทำความเย็นระเหยอยู่ภายในคอล์ยที่ความดันต่ำ ถ้าเป็นสารทำความเย็นฟรีออน 22 ที่ใช้กันจะมีความดันประมาณ 4.5 บาร์ ขณะที่ท่อทนความดันได้กว่า 20 บาร์ โอกาสที่จะเกิดการระเบิดจึงน้อยมาก และหากจะมีการระเบิดเกิดขึ้น เพราะความบกพร่องของฝีมือการประกอบก็จะไม่เกิดไฟไหม้ขึ้น เพราะสารทำความเย็นไม่ติดไฟ เป็นสารที่สามารถใช้ดับไฟได้ โดยเฉพาะใช้เป็นสารดับไฟในห้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการเข้าไปไล่อากาศ (ออกซิเจน) ออกไปจากห้อง หรือทำให้อากาศภายในห้องมีสัดส่วนออกซิเจนเจือจางจนไฟดับไป

- ระบบเครื่องทำน้ำเย็น (Water Chiller) เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในอาคารขนาดใหญ่ โดยทั่วไปจะเป็นเครื่องปรับอากาศระบบน้ำเย็น ซึ่งมีน้ำเย็นไหลเวียนไปยังเครื่องทำลมเย็นที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณที่จะปรับอากาศของอาคาร น้ำเย็นที่ไหลเข้าไปใน เครื่องทำลมเย็นมีอุณหภูมิประมาณ 7 C แลไหลออกไปมีอุณหภูมิประมาณ 13 C ในขณะที่อากาศที่ไหลเข้าไปมีภาวะที่ 26 C กระเปาะแห้ง ความชื้นสัมพัทธ์ 55 เปอร์เซ้นต์ และออกจากเครื่องที่ภาวะ 15.5 C กระเปาะแห้ง 14.5 C กระเปาะเปียก น้ำที่ออกจากเครื่องทำลมเย็นจะถูกปั้มเข้าไปในเครื่องทำน้ำเย็นขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องประธาน (Main Machine Room) เพื่อทำให้น้ำมีอุณหภูมิลดลงจาก 13 C เป็น 7 C เครื่องทำลมเย็นที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณที่ปรับอากาศ มีส่วนประกอบคือ แผ่นกรองอากาศ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นแผงใยอะลูมิเนียม แผงท่อน้ำเย็นที่มีน้ำเย็นไหลอยู่ภายใน มีโบล์เวอร์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ดูดอากาศ จากบริเวณที่ปรับอากาศ ให้ไหลผ่านแผ่นกรอง และแผงท่อน้ำเย็น แล้วส่งอากาศ ที่ถูกกรองให้สะอาดและถูกทำให้เย็นลงเข้าไป ปรับอากาศในบริเวณที่ปรับอากาศ จะเห็นได้ว่าบริเวณที่ปรับอากาศนั้นมีเฉพาะเครื่องทำลมเย็นท่อน้ำ และท่อลมที่ต่อเข้ากับ เครื่องทำลมเย็นเท่านั้น ไม่มีส่วนที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ ไม่มีส่วนที่จะระเบิด ท่อน้ำอาจจะแตกได้ถ้าประกอบหรือเชื่อมไม่ดี และหากท่อแตก ก็จะทำให้น้ำรั่วกระจายทำความเสียหายเพราะเปียกน้ำเท่านั้น


- วิธีการติดตั้งระบบแยกส่วน (Split Type)
แบ่งออกเป็น 3 ระบบ คือ
1. แบบตั้งพื้น คือ ติดตั้งส่วนที่เป่าลมเย็นไว้กับพื้น วิธีนี้จะสะดวกในการติดตั้ง สามารถซ่อนท่อน้ำทิ้งได้สะดวก ดูแลรักษาง่าย แต่จะเสียพื้นที่ในการติดตั้ง ไม่เหมาะสำหรับ ห้องเล็ก
2. แบบติดผนัง คือส่วนที่เป่าลมเย็นไว้กับผนัง การ ติดตั้งค่อนข้างลำบาก เสียพื้นที่การใช้งานในส่วนผนัง แต่ไม่ เสียพื้นที่การใช้งานของห้อง ถ้าเกิดการรั่วซึม จะทำให้ห้อง เลอะเทอะบริเวณผนัง
3. แบบแขวนเพดาน คือ ติดตั้งส่วนที่เป่าลมเย็นไว้ บนเพดาน ข้อดี คือ ใช้พื้นที่ห้องได้เต็มที่มากกว่า 2 แบบ แรก การติดตั้งลำบากมาก เพราะต้องแขวนกับฝ้าเพดาน ต้องเตรียมวางแผนล่วงหน้า การดูแลรักษายาก ยิ่งเกิดการ รั่วซึมจะทำให้พื้นที่ใช้งานใต้เครื่องเปียกได้


- วิธีป้องกันหยดน้ำจากท่อน้ำทิ้ง
โดยทั่วไปการติดตั้งเครื่องปรับอากาศจะเตรียมท่อ น้ำทิ้ง เพื่อระบายน้ำออกนอกบ้าน โดยใช้ท่อ PVC. ขนาด 1 นิ้ว แต่อาจจะทำให้เกิดหยดน้ำที่ท่อได้ เนื่องจากอากาศ ภายในท่อน้ำทิ้งซึ่งเย็นเมื่อเทียบกับอากาศภายนอกซึ่งร้อน จะเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเกาะตามท่อ และจะหยดเลอะ เทอะภายในห้อง ดังนั้นวิธีที่ถูกต้อง ควรหุ้มด้วยฉนวนที่ท่อ น้ำทิ้งด้วย ฉนวนดังกล่าวจะทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้อากาศ ภายนอกกับภายในสัมผัสกันโดยตรง และจะสามารถป้องกัน การเกิดหยดน้ำได้และเพื่อความสวยงามของห้อง ก็ควรทาสี หรือใช้เทปพันบริเวณท่อฉนวนนั้นให้กลมกลืนกับสีข้องห้อง

- ปัญหาของการเดินท่อน้ำทิ้ง
ปัญหาที่เกิดจากการติดตั้งเครื่องปรับอากาศก็คือ การเดินท่อน้ำทิ้งซึ่งจะปรากฏอยู่ภายในห้อง ทำให้ไม่สวย งาม วิธีการแก้ไข คือ
1. พยายามติดตั้ง FAN COIL ไว้กับผนังที่ติด กับภายนอก เพื่อให้ท่อต่างๆ เจาะทะลุผนังออกสู่ภายนอก ได้โดยให้มีส่วนของท่อน้ำทิ้งอยู่ในห้องน้อยที่สุด
2. ถ้าเป็นห้องอยู่กลางบ้าน อาจแก้ไขด้วยการฝังท่อน้ำทิ้งเข้ากับผนัง ถ้าเป็นผนังปูน ก็ใช้วิธีการสกัดผนังฝังท่อลงไปแล้วฉาบปูนทับหรือถ้าเป็นผนังเบาเช่น ยิบซั่ม บอร์ด หากความกว้างของโครงเคร่ากว้างพอก็ฝังท่อในผนังได้เลย แต่ถ้ากว้างไม่พอก็อาจเสริมโครงเคร่าอีก 1 ชั้น เพื่อให้ความกว้างเพียงพอในการซ่อนท่อน้ำทิ้งแล้วจึงเจาะผนังด้านที่ติดกับภายนอก เพื่อระบายน้ำออกอีกทีหนึ่ง

- ประโยชน์ของเครื่องปรับอากาศ
ประโยชน์ของเครื่องปรับอากาศ นอกจากทำความ เย็นแล้วยังช่วยทำให้อากาศสะอาด และควบคุมความชื้น ภายในห้องด้วย
แต่สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ด้วย เพราะจะทำให้อากาศไม่อับ มีการถ่ายเทอากาศจาก ภายนอกด้วย ซึ่งถ้ามีแต่ระบบทำความเย็นอย่างเดียว จะทำ ให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก มีผลเสียต่อสุขภาพ

- ปัญหาเครื่องปรับอากาศไม่เย็น
เหตุที่แอร์ไม่เย็นอาจจะเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้คือ
1. ตัวเครื่องแอร์กับคอนเดนเซอร์อยู่ห่างกันเกินไป
2. ตัวคอนเดนเซอร์อยู่ในที่อับไม่สามารถระบาย อากาศได้
3. น้ำยาแอร์หมด
นอกจากนี้แล้วก็ยังขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและวิธีการใช้ที่ถูกต้องก็จะทำให้ยืดอายุการใช้งานได้อีกนาน

- วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศให้ประหยัด
แบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. วิธีประหยัดที่ไม่ต้องลงทุน เช่น จัดระบบให้ เครื่องปรับอากาศทำงานเป็นช่วงสลับกัน และปรับความเย็น ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะคือ 25 องศาเซลเซียส ควบคุม ปริมาณอากาศภายนอกที่จะเข้ามา เพื่อไม่ให้เสียความเย็น ออกไป ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ และ ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อยู่สูงจากพื้นพอควร เพื่ออากาศจะ ได้หมุนเวียนได้โดยง่าย และอย่าให้เครื่องได้รับแสงอาทิตย์ โดยตรง จะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น
2. วิธีประหยัดที่ต้องลงทุน เช่น ใส่ฉนวนกันความ ร้อนที่เพดาน ติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่หลังคาของบ้าน หรืออาจติดตั้งกระจก 2 ชั้นเพื่อลดความ ร้อนจากแสงอาทิตย์ ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง รวมทั้ง การติดตั้งม่านกันแสง เลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้ เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ห้อง และควรเป็นเครื่องปรับ อากาศที่มีฉลากเบอร์ 5 ด้วย

พันธมิตร

ระบบประปา

ระบบน้ำประปา มีส่วนสำคัญคือ การจ่ายน้ำที่สะอาดไปยังจุดที่ใช้งานต่าง ๆ ในปริมาณ และแรงดันที่เหมาะสม กับการใช้งาน นอกเหนือ จากนั้น ยังจะต้องมีระบบ การสำรองน้ำในกรณีฉุกเฉิน หรือมีการปิดซ่อม ระบบภายนอก หรือช่วงขาดแคลนน้ำ และในอาคาร บาง ประเภท ยังต้องสำรองน้ำสำหรับ ระบบดับเพลิงแยก ต่างหากอีกด้วย
หลักการจ่ายน้ำภายในอาคารมี 2 ลักษณะคือ
1) ระบบจ่ายน้ำด้วยความดัน (Pressurized/Upfeed System)เป็นการจ่ายน้ำโดยอาศัย การอัดแรงดันน้ำ ในระบบ ท่อประปาจากถังอัดความดัน (Air Pressure Tank) ระบบที่ใช้กับ ความสูงไม่จำกัด ทั้งยังไม่ต้องมี ถังเก็บน้ำ ไว้ดาดฟ้าอาคาร2) ระบบจ่ายน้ำโดยแรงโน้มถ่วง (Gavity Feed/Downfeed System)เป็นการสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนดาดฟ้าแล้ว ปล่อยลงมาตามธรรมชาติ ตามท่อต้องเป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 10 ชั้น ขึ้นไป ถือเป็น ระบบ ที่ไม่ซับซ้อนไม่ต้องใช้ไฟในการจ่าย แต่จะต้องเตรียมถังเก็บน้ำ ไว้บนดาดฟ้า จึงต้องคำนึงถึง เรื่องโครงสร้างในการ รับน้ำหนัก และความสวยงามด้วย
ในการสำรองน้ำสำหรับการใช้งานนั้นจะต้องมีการใช้ถังเก็บน้ำแบบต่าง ๆ มาประกอบการใช้งาน ถังเก็บน้ำที่มีใช้กันอยู่โดยทั่วไป ในปัจจุบันนั้นมีหลายแบบให้เลือกใช้ รวมทั้งอาจจะต้องมีเครื่องสูบน้ำติดตั้งอีกด้วย แต่เครื่องสูบน้ำนั้น ห้ามต่อระหว่าง ระบบสาธารณะ กับถังพักน้ำในบ้าน เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายเนื่องจาก เป็นการสูบน้ำจากระบบสาธารณะ โดยตรงซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น การสูบน้ำในบ้านจะต้องปล่อยให้น้ำจาก สาธารณะมาเก็บ ในถังพักตาม แรงดันปกติเสียก่อนแล้วค่อยสูบน้ำไปยังจุดที่ต้องการอื่น ๆได้
ตำแหน่งที่ตั้งถังเก็บน้ำที่ใช้งานทั่วไปมีที่ตั้ง 2 แบบคือ
- ถังเก็บน้ำบนดิน ใช้ในกรณีที่มีพื้นที่เพียงพอกับการติดตั้ง อาจติดตั้งบนพื้นดิน หรือบนอาคาร หรือติดตั้งบนหอสูง เพื่อใช้ประโยชน์ ในการใช้แรงดันน้ำ สำหรับแจกจ่ายให้ส่วนต่างๆของอาคาร การดูแลรักษาสามารถทำได้ง่ายแต่อาจดูไม่เรียบร้อยและไม่สวยงามนัก
- ถังเก็บน้ำใต้ดิน ใช้ในกรณีที่ไม่มีพื้นที่ในการติดตั้งเพียงพอและต้องการให้ดูเรียบร้อยสวยงามการบำรุงดูแลรักษาทำได้ยาก ดังนั้นการก่อสร้าง และการเลือก ชนิดของถังต้องมีความละเอียดรอบคอบ

11/11/2551

ระบบไฟฟ้า

วิธีการเดินสายไฟฟ้าประเภทแรกคือ การเดินสายไฟบนผนังหรือที่เรียกว่า เดินลอย วิธีนี้ค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่จะมองเห็นสายไฟบนผนัง ไม่ค่อยเรียบร้อย การตกแต่งห้องลำบากกว่า แต่สามารถตรวจ สอบความเสียหายได้ง่าย รวมทั้งการเปลี่ยนสายไฟก็ง่าย เพราะมองเห็นประเภทที่สองคือ การเดินผ่านท่อซึ่งฝังในผนังอาคารหรือที่เรียกว่า เดินร้อยสายผ่านท่อ วิธีนี้จะได้งานที่เรียบร้อย เพราะมองไม่เห็น จากภายนอก ท่อสายไฟจะฝังอยู่ในผนัง ต้อง ทำพร้อมการก่อสร้างอาคาร การตกแต่งห้องจะง่ายกว่าและมีท่อป้องกันสายไฟไว้ ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แบบแรก การติดตั้งก็ยุ่งยากกว่ารวมถึงการตรวจสอบและการเปลี่ยนภายหลังก็ทำได้ ลำบากกว่าแบบแรก
- ระบบไฟฟ้าภายในบ้านระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ควรแยกวงจรเป็นส่วนๆ ไว้ เช่น แยกตามชั้นต่างๆ หากเกิดไฟฟ้าขัดข้องขึ้นที่ชั้นไหน ก็ สามารถสับคัตเอาท์ ปิดไฟเฉพาะส่วนชั้นนั้น เพื่อซ่อมแซมได้ และที่สำคัญส่วน ห้องครัว ควรแยกวงจรไว้ต่างหาก ด้วย เวลาไม่อยู่บ้านนานๆ จะได้ปิดไฟทั้งหมด เหลือเฉพาะ ส่วนครัวไว้ตู้เย็นในครัวจะใช้งานได้ อาหารต่างๆ จะได้ไม่เสีย- ปัญหาของสายไฟฟ้าตามปกติทั่วไปสายไฟฟ้าจะมีอายุการใช้งานประมาณ 7-8 ปี แต่เมื่อมีการตรวจเช็ค และพบว่าฉนวนที่หุ้มสายไฟ เริ่มเปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองและเริ่มกรอบแตก ก็สมควรที่จะ เปลี่ยนสายไฟใหม่ โดยไม่ต้องรอให้หมดอายุก่อน เพราะ อาจลัดวงจร และทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้สายไฟฟ้าควรเดินอยู่ในท่อร้อยสายไฟ เพื่อป้องกัน ฉนวนที่หุ้มสายไฟไม่ให้ขีดข่วนชำรุด โดยเฉพาะสายไฟที่เดิน อยู่ภายนอกบ้าน เช่น ไฟรั้ว สนาม หรือกระดิ่งที่ติดอยู่หน้า บ้าน ส่วนใหญ่จะไม่มีท่อหุ้ม เมื่อโดนแดดโดนฝนนานๆ ก็จะ รั่วได้ เป็นอันตรายมาก ควรหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ หรือถ้า เปลี่ยนเป็นแบบเดินท่อก็จะปลอดภัยกว่า ที่สำคัญเวลามีปัญหา อย่าซ่อมไฟฟ้าเอง ควรตามผู้รู้หรือช่างมาซ่อมจะดีกว่า- ชนิดของหลอดไฟหลอดไฟที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมี 2 ประเภท คือหลอดอินแคนเดสเซนต์ หรือหลอดแบบมีไส้ ทำงาน โดยการปล่อยกระแสไฟเข้าสู่ขดลวด เพื่อให้เกิดความร้อน แล้วเปล่งแสงออกมา หลอดชนิดนี้จะกินไฟมาก มีอายุการ ใช้งานประมาณ 750 ชม.หลอดอีกประเภท คือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือ หลอดนีออน เป็นหลอดที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะมี ประสิทธิภาพสูง มีราคาสูง (การทำงานซับซ้อนกว่าจะได้แสง มา) มีอายุการใช้งานประมาณ 8,000ชม.- ชนิดของโคมไฟชนิดของโคมไฟแบ่งตามชนิดของการใช้งานได้ ดังนี้โคมส่องห้องโดยทั่วไป จะเป็นโคมที่ติดบนฝ้าเพดาน หรือผนังก็ได้ ความสว่างจะปานกลาง เพื่อให้เห็นห้องโดยทั่ว ไปรวมถึงทางเดินและบันไดด้วยโคมส่องเฉพาะจุด จะมีความสว่างมากกว่า จะใช้ส่อง เฉพาะจุดที่จะเน้นความสำคัญ เช่น รูปภาพ ต้นไม้ หรือจุดที่ ต้องทำงานเป็นพิเศษ เช่น มุมอ่านหนังสือ ส่วนทำงาน หรือ เตรียมอาหารโคมสำหรับตั้งพื้น จะมีความสว่างน้อยที่สุด จะใช้เพื่อ นั่งพักผ่อน ดูทีวี ฟังเพลง ห้องนอน เพื่อบรรยากาศที่ดี ไม่ ต้องการแสงสว่างมารบกวนมากจนเกินไป- ระบบไฟฟ้าในห้องน้ำสำหรับห้องน้ำขนาดกลางโดยทั่วๆไป จะมีขนาด ประมาณ 4-6 ตารางเมตร ควรจะมีไฟส่องสว่างประมาณ 2 จุด จุดแรกที่หน้ากระจกติดกับอ่างล้างหน้า ส่วนที่สอง ควรอยู่กลางห้องบริเวณส่วนที่อาบน้ำ แต่ต้องระวังไม่ให้ต่ำ ลงมาจนถูกน้ำกระเด็นโดนได้ ส่วนปลั๊กควรอยู่ในระดับที่ สูงพอจะใช้งานได้สะดวก เช่น ใช้สำหรับที่เป่าผม หรือที่ โกนหนวด และควรจะใช้ชนิดมีฝาปิด เพื่อไม่ให้โดนน้ำ และที่สำคัญสวิทซ์ปิด-เปิดควรอยู่นอกห้อง และระบบวงจร ไฟฟ้าของห้องน้ำควรมีเบคเกอร์ตัด เมื่อเกิดไฟฟ้าช็อตด้วย- หลอดไฟฟ้า "ฮาโลเจน"หลอดไฟแบบ "ฮาโลเจน" จะให้แสงสีขาวนวล มี ความสว่างมากกว่าหลอดแบบอินแคนเดสเซนต์ในกำลังวัตต์ ที่เท่ากัน จึงทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่า แต่หลอดฮาโล- เจนจะมีราคาสูงกว่า ประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสมกับหลอด ประภทนี้ได้แก่ ใช้ไฟส่องที่โต๊ะทำงาน ปฏิมากรรม และภาพ เขียนประดับผนังต่างๆ ทำให้งานดูโดดเด่นขึ้น- ประโยชน์และชนิดของ "ฟิวส์""ฟิวส์"เป็นเครื่องป้องกันกำลังของกระแสไฟฟ้าที่เกินขนาดหรือเกิดการลัดวงจร แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือแบบที่ 1 ฟิวส์เส้น จะมีลักษณะเป็นเส้นเปลือยใช้ต่อ เชื่อมในวงจร เมื่อเกิดการลัดวงจร ฟิวส์เส้นนี้จะขาดแบบที่ 2 ฟิวส์หลอด จะมีลักษณะเป็นหลอดกระเบื้อง เมื่อเกิดการช็อตจะทำให้เกิดประกายไฟ ภายในบรรจุสารเคมี เพื่อป้องกันการสปาร์ค จะดีกว่าแบบแรกแบบที่ 3 ปลั๊กฟิวส์ จะมีลักษณะคล้ายหลอดเกลียว ใช้โดยวิธีหมุนเกลียวเข้าไป มีลักษณะการทำงานเหมือนแบบที่ 2 แต่จะไม่เกิดประกายไฟ- วิธีการประหยัดไฟฟ้า ข้อควรปฏิบัติเพื่อการประหยัดไฟฟ้ามี ดังนี้1. ปิดสวิทซ์เมื่อไม่ใช้งาน หรือเมื่อออกจากห้องถึงแม้ ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม2. ใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์ต่ำ ควรตรวจดูความเหมาะสม ของห้อง เช่น ห้องกว้างควรใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์ หรือห้องเล็กก็ใช้ 18 วัตต์ ควรใช้แสงสว่างเท่าที่จำเป็น3. หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟและโคมไฟอยู่ เสมอ เพราะละอองฝุ่นที่เกาะอยู่จะทำให้แสงสว่างลดน้อยลง และอาจเป็นสาเหตุให้ท่านต้องเปิดไฟหลายดวงเพื่อให้แสง สว่างพอเพียง สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่มีขายในท้อง ตลาด ปัจจุบันมีชนิดที่มีประสิทธิภาพสูง คือ ขนาด 18 วัตต์ และ 36 วัตต์ ซึ่งให้แสงสว่างเท่ากับหลอดอินแคนเดสเซนต์ ขนาด 20 วัตต์ และ 40 วัตต์ แต่กินไฟน้อยกว่า

11/10/2551

รับเหมางานระบบ

เราเป็นผู้ชำนาญด้านงานระบบ สำหรับท่านที่ต้องการผู้รับเหมางานระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบปรับอากาศ ทางเรามีช่างผู้ชำนาญในงานด้านนนี้ พร้อมทั้งทีมงานที่มีคุณภาพ โดยทางเรามีความยินดีที่จะทำงานให้แก่ผู้สนใจได้อย่างรวดเร็ว ราคาเป็นกันเอง มีความเชี่ยวชาญในงานด้านนี้ อีกทั้งเรายังสามารถรับงานที่เป็นทั้งการออกแบบ ติดตั้ง ซ่อมแซม และดูแลบำรุงรักษา ให้กับท่านได้

รับงานระบบทั่วไป

เว็บที่เกี่ยวข้อง

ประตูรีโมท, ประตูอัตโนมัติ,มอเตอร์เกียร์ ,gear motor, automatic gate www.serveair.com